วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามครั้งที่2

             การท่องเที่ยวในอดีตเมื่อ 3 พันปีก่อนคือ มีการจัดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆแก่นักเดินทางไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของที่พักการให้บริการด้านอาหาร มัคคุเทศน์ และร้านขายของที่ระลึก เช่นเดียวกับในอดีตจะต่างกันก็เพียงแต่มาตรฐานและความสะดวกสบายซึ่งในปัจจุบันมีความทันสมัยมากกว่าแต่ก่อน

             วิวัฒนาการของการท่องเที่ยวเริ่มจาก สมัยอาณาจักร Babylonian และอาณาจักร Egyptian หลักฐานที่สนับสนุน คือ ได้มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ (historic antiquities) เพื่อให้คนทั่วไปเข้าชมนคร Babylon เมื่อ 2,600 ปีมาแล้ว
          
            ในอาณาจักรบาบิโลน และการจัดงานเทศกาลทางด้านศาสนา มีการพบหลักฐานจากข้อความที่นักเดินทางเขียนไว้ที่ผนัง หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ชาวอียิปต์บันทึกไว้เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อนคริสตกาลด้วย

            เมื่อประมาณ300 ปี ก่อนคริสตกาล หรือ2300 ปี มาแล้ว นักท่องเที่ยวชาวกรีกจะนิยมเดินทางไปยังสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าที่ทำหน้าที่บำบัดรักษาโรคเนื่องจากกรีกมีการปกครองในแบบนครรัฐ(City State) ที่เป็นอิสระต่อกัน นักท่องเที่ยวส่วนมากจึงเดินทางทางเรือ ชาวกรีกจึงเป็นนักเดินเรือที่มีความชำนาญ

            ชาวโรมันในกรุงโรมนิยมเดินทางไปพักร้อนยังบ้านพักร้อนบนภูเขา ชาวโรมันครอบครองเมืองปอมเปอี เมื่อ 80 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางสมัยนั้นคือ ความมั่นคงทางการเมืองและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ของที่ระลึกที่เป็นที่นิยมของชาวโรมันคือ ภาพวาดของจิตรกรที่สำคัญ ชิ้นส่วนของแขนขา ของรูปแกะสลักพวกนักบุญหรือเทพีต่างๆ

          สมัยอาณาจักรโรมันการท่องเที่ยวมีทั้งการท่องเที่ยวภายในประเทศ (Domestic) และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (International) แต่การท่องเที่ยวระหว่างประเทศนั้นเป็นการท่องเที่ยวที่ไร้พรมแดนเพราะไม่มีอาณาเขตแบ่งแยกดินแดนว่าเป็นดินแดนของอังกฤษ หรือซีเรีย อย่างในปัจจุบัน เพราะอาณาเขตโรมันครอบคลุมไปถึงหมด ทุกแห่งใช้เงินตราของโรมัน ท้องทะเลปลอดจากพวกโจรสลัด เพราะมีการลาดตระเวนของทหารโรมัน ภาษาละตินก็เป็นภาษาที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในยุคนั้น ชาวโรมันเดินทางไปยัง Sicily กรีซ เกาะ Rhodes เมืองทอย และอิยิปต์และเมื่อถึงคริสศตวรรษที่3 ชาวโรมันก็ได้เดินทางไปจนถึงดินแดนอันศักดิ์สิทธ์                        

                       มัคคุเทศก์และคู่มือนำเที่ยวในยุคต้นๆ
       Herodotus ได้บันทึกคำบอกเล่าของมัคคุเทศก์ในสมัยนั้นเกี่ยวกับเรื่องที่หน้าเหลือเชื่อต่างๆทำให้เราทราบว่ามัคคุเทศก์ในสมัยนั้นมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่และเรื่องราวต่างๆ มีชีวิตอยู่ในช่วง 484 ปี ถึง 424 ปีก่อนคริสตกาลอาจเรียกได้ว่า เป็นนักเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวคนแรกของโลกก็ว่าได้
               หนังสือคู่มือนำเที่ยวปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ400ปีก่อนคริตสกาลซึ่งครอบคลุม แหล่งท่องเที่ยวในกรุงเอเธนส์ สปาร์ตา และเมืองทรอย นักเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ชาวกรีกชื่อPausaniasได้เขียนหนังสือชื่อว่า description of Greeceขึ่นในระหว่าง คศ.160-180
                                            การท่องเที่ยวในยุคกลาง
         ยุคกลางคือช่วงที่อยู่ระหว่าง ค.ศ.500-1500 เป็นช่วงที่ต่อจากการล้มสลายของอาณาจักรโรมัน ยุคกลางเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่ายุคมืดปัญหาของนักท่องเที่ยวในยุคกลางต้องเผชิญ คือ โจนผู้ร้ายที่คอยดักปล้นนักท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ในสมัยนั้นจึงต้องทำหน้าที่นำทางและเป็นทั้งผู้ปกป้องนักท่องเที่ยวศิลปินที่เป็นที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นคือ Blondel ชาวเมือง PICARDY ซึ่งเป็นเพื่อนกับพระเจ้าชาร์ดที่1จึงจัดได้ว่าเป็นการเดินทางทางด้านธุรกิจ หรือการเดินทางตามหน้าที่มากกว่าการเดินทางเพื่อความเพลิดเพลิน
    
 การพัฒนาการคมนาคมทางถนนในคริสตศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่19
         ในช่วงก่อนถึงศตวรรษที่16 คนที่ต้องการเดินที่มีวิธีที่จะทำได้ 3 วิธี คือ
           1. ด้วยการเดินเท้าซึ่งเป็นวิธีเดินทางของคนจน
           2. การขี่ม้า
           3. ใช้เสลี่ยงโดยมีคนรับใช้เป็นผู้แบกซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีเดินทางของชนชั้นสูงเท่านั้น
ในศตวรรษที่18 มีระบบทางด่วนที่ผู้โดยสารต้องจ่ายค่าผ่านทางเกิดขึ้น การเดินทางเป็นระยะทางไกลๆเรื่องที่พักเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้เดินทาง ในสมัยนี้จึงมีที่พักประเภท inn เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ประมาณค.ศ.1815 ถนนหนทางในทวีปยุโรปมีการพัฒนาดีขึ้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากจกค้นพบประโยชน์ของยางมะตอย (Tarmacadam) ทำให้เกิดการเดินทางที่เร็วขึ้น                                          
                                            
                                           แกรนด์ทัวร์
             ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่18เป็นต้นมาได้เกิดการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ขึ้นซึ้งเป็นผลมาจากเสรีภาพ
และความต้องการในรูปแบบใหม่ขึ้น ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ยุคที่มีระยะเวลาประมาณ300ปีเริ่มต้นในราวคริสต์ศตวรรษที่15และสิ้นสุดในราวศตวรรษที่17 โดยมีอิตาลีเป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแบบฉบับให้ประเทศเพื่อนบ้านเรา
             ในปีค.ศ.1749dr. Thomas Nugentได้ตีพิมพ์หนังสือคู่มือการท่องเที่ยวออกมาเล่มหนึ่งให้ชื่อว่า
the grand tourหนังสือเล่มนี้ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษามากขึ้นนักเดินทางใจกล้าบางคนเดินทางไปไกลถึงอีบยิปต์

             
            การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่อาบน้ำแร่ (Spa)
          การอาบน้ำแร่หรือสปา เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วตั้งแต่ยุคโรมันโดยเชื่อกันว่าน้ำเร่มีคุณสมบัติทางยา แต่ความนิยมการไปอาบน้ำแร่ได้ลดลงในยุคหลังๆ  แต่ไม่ได้หมายความว่าความนิยมจะลดลงโดยสิ้นเชิง
             ในที่สุดตอนต้นของศตวรรษที่19บรรดารีสอร์ทต่างๆก็เปลี่ยนโฉมไปสู่ตลาดล่าง (down market) ตามวงจรชีวิตของตลาด  และเมื่อถึงปลายศตวรรษที่18 ยุคเฟื่องฟูของบ่อน้ำแร่ในอังกฤษก็ถึงการอาวสานต์ ถึงแม้ว่าวงจงชีวิตของสปายังคงยืดยาวต่อไปในภาคพื้นยุโรปในประเทศอังกฤษแหล่งท่องเที่ยวประเภทสปาได้เปลี่ยนโฉมไปเป็นผู้สูงอายุ คนชรานิยมย้ายไปอยู่ ผู้อาศัยถาวร
              ในขณะเดียวกันความนิยมในแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่พักตากอากาศชายทะเล กลายมาเป็นที่นิยมมากกว่า สปาซึ่งอยู่ด้านในประเทศ

                         
                      กำเนิดยุคสถานที่ตากอากาศชายทะเล
       การอาบน้ำทะเลพึ่งจะเริ่มเป็นที่นิยมในอังกฤษตั้งแต่สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance) การอาบน้ำทะเลในสมัยนั้น ผู้อาบอาบทั้งเสื้อผ้า เพราะการถอดเสื้อผ้าว่ายน้าขัดจากจารีดในสมัยนั้น
           การอาบน้ำทะเลเริ่มต้นจากเหตุผลทางด้านสุขภาพ ความนิยมในการบำบัดด้วยน้ำทะเลซึ่งเป็นผลมาจากผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมั่งคั่งขึ้นจากการขยายตัวทางการค้าและอุตสาหกรรมในประเทศอังกฤษ สถานที่อาบน้ำด้านในประเทศไม่สามารถรองรับผู้ที่ต้องการบำบัดมากมายได้ ตรงข้ามกับชายฝั่งทะเลที่สามารถรองรับผู้คนเป็นจำนวนมากได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

                 
                  ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในศตวรรษที่19
       จากประวัติการท่องเที่ยวตั้งแต่อดีตจนถึงศตวรรษที่19 จะเห็นได้ว่ามีปัจจัยหลายประการที่ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางจะแบ่งปัจจัยเหล่านี้เป็น 2 กลุ่ม คือ
       1. ปัจจัยส่งเสริมให้เกิดการเดินทาง
       2. ปัจจัยถึงดูดให้คนเดินทาง

       การขนส่งที่ดีจะต้องได้รับการสนับสนุนด้วยการมีที่พักที่เพียงพอ ณ จุดหมายปลายทางในยุคกลางที่พักของนักเดินทางคือวัดต่างๆ แต่ถูกยกเลิกไปทำให้การเดินทางลดน้อยลง

      ข้อจำกัดอีกอย่างสำหรับนักเดินทางได้แก่ความเสี่ยงกับโรคภัยไข้เจ็บ เพราะระบบสาธารณะสุขในเมืองใหญ่ๆในอดีตยังไม่เป็นมาตรฐานเช่นในปัจจุบันนี้

      ประเทศอังกฤษในต้นศตวรรษที่ 19 อยู่ในช่วงที่เริ่มเกิดความต้องการทางด้านการเดินทาง เกิดระบบการขนส่งสมัยใหม่ทำให้ความต้องการที่จะเดินทางกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้
            
               ยุคเครื่องจักรไอน้ำ : กำเนิดการเดินทางทางรถไฟ
       ทางรถไฟสายแรกถูกสร้างขึ้นในอังกฤษในปี ค.ศ.1825 (ตรงกับสมัยรัชการที่3 กรุงรัตนโกสินทร์) ระหว่างเมือง Stockton และ Darlington ในช่วงศตวรรษที่1850 บริษัทไฟต่างๆก็พร้อมใจกันลดราคาค่าเดินทางสำหรับการท่องเที่ยวรายวัน การท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ และการท่องเที่ยวระยะยาวเพื่อกระตุนให้คน เดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น

                                          
                                           เรือกลไฟ
           ขณะที่รถไฟทำให้เกิดการเดินทางภาคพื้นดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ทำให้เกิดการพัฒนาเรือกลไฟเพื่อการเดินทางทางน้ำ การพัฒนาทางด้านการค้ากับทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทวีปอเมริกาเหนือทำให้ประเทศอังกฤษต้องพัฒนาการสื่อสารรูปแบบต่างๆที่เร็วขึ้นและเชื่อใจมากยิ่งขึ้น


                 
                  การท่องเที่ยวในศตวรรษที่ 20 (1901-2000)
                              ช่วง 50 ปีแรก (1910-1950)
          ในช่วงนี้การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อไป เพราะความมั่งคั่งของผู้คน ความอยากรู้ ความอยากเห็น และทัศนคติที่กล้าแสดงออกมากข้นในยุคหลังสมัยวิกตอเรียประกอบกับการพัฒนาระบบการขนส่งอย่างต่อเนื่อง นักเดินทางมีความปลอดภัย จากโรคภัยไข้เจ็บและโจรผู้ร้าย ทวีปยุโรปมีความมั่งคั่งทางการเมืองการเดินทางก็ไม่ยุ่งยาก ตั้งแต่ปี 1860
รูปแบบการเดินทางเปลี่ยนไป ความนิยมในการเดินทางด้วยรถไฟ ลดลงเพราะคนนิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น มีการพัฒนาถนน พัฒนารถบรรทุก ที่ขนสัมภาระในสงคราม
การกำเนิดอุตสาหกรรมการบินระยะแรกเป็นสัญญาณบ่งบอกให้เห็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของการบริการทางรถไฟ และเรือกลไฟ เนื่องจากการบริการทางเครื่องบินในตอนแรกยังคงมีราคาแพง ขลุกขลัก ต้องหยุดและพักบ่อยและบริการไม่ค่อยสม่ำเสมอ
                        
                     
                      การท่องเที่ยวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
       เช่นเดียวกับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ความสนใจของผู้คนที่จะเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น เกิดความต้องการที่จะเห็นสภาพที่ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม
          การเดินทางทางอากาศมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่2 ถึงแม้ว่าในช่วงทศวรรษที่ 1950 ค่าโดยสารค่อนข้างแพงก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางด้วยวิธีอื่น การเดินทางทางเครื่องบินก็นับว่าไม่แพง
            จำนวนของผู้โดยสารทางอากาศเพิ่มมากกว่าผู้โดยสารที่เดินทางทางเรือเป็นครั้งแรกในปี คศ.1957 ในต้นทศวรรษที่ 1970






                                คำถามท้ายบทที่ 2
1. ท่านคิดว่าการเปิดสปาในเมืองบาธขึ้นมาใหม่จะประสบความสำเร็จแค่ไหนและสปาอื่นๆ จะกลับมามีชีวิตใหม่ได้หรือไม่ในอังกฤษอธิบายว่าทำไมสปาในอังกฤษไม่เป็นที่นิยมขณะที่ยุโรปเป็นที่นิยม
ตอบ    สปาในเมืองบาธจะกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้งและจะต้องเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด สาเหตุที่ทำให้สปาในอังกฤษไม่เป็นที่นิยมเพราะเมื่อก่อนเมืองบาธเป็นเมืองแห่งสปาและน้ำแร่มากมาย ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวประเภทสปา ที่เป็นที่นิยมมาถึงปัจจุบัน แต่การเดินทางไปบำบัดรักษาโรคด้วยน้ำแร่กลายมาเป็นสถานภาพทางสังคมอย่างรวดเร็วทำให้บรรดาสถานบำบัดเปลี่ยนโฉมมาเป็นสถานรักษาสุขภาพมาเป็นสถานที่เพื่อความเพลิดเพลินของเมืองคนชั้นสูงและกลายมาเป็นเมืองแห่งแฟชั่นของคนร่ำรวยทำให้ยุคเฟื่องฟูของน้ำแร่ในอังกฤษสิ้นสุดลง จึงทำให้สปาในอังกฤษไม่เป็นที่นิยมเท่ากับในยุโรป


2. ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวหลายอย่างของผู้ประกอบการ ตามความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จงอภิปรายว่าการเปลี่ยนแปลงอะไรที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการที่จะสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน
ตอบ การตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจ รวมถึงการสร้างจุดเด่นหรือเอกลักษณ์ให้กับตัวเอง เพื่อสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างมากมายถ้าเราไม่มีจุดเด่นก็จะทำให้ไม่มีสิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้


3. ทำไมประเทศอังกฤษจึงเป็นผู้บุกเบิกที่สำคัญในด้านการท่องเที่ยว
ตอบ เพราะประเทศอังกฤษเป็นประเทศที่มีอาณาจักรมากมาย ส่งผลให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงประเทศอังกฤษยังเป็นประเทศที่มีคนร่ำรวยมาก การค้าขายกับต่างประเทศมีมากขึ้น และที่สำคัญคนอังกฤษชอบส่งลูกหลานไปเรียนที่ต่างประเทศกับอาจารย์ผู้สอนประจำตัว เป็นการเดินทางที่เรียกว่า Grand Tour จึงทำให้ประเทศอังกฤษเป็นผู้บึกเบิกที่สำคัญในการท่องเที่ยว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น