ว่า “พแนงเชิง” มีความหมายว่า “นั่งขัดสมาธิ” ฉะนั้น คำว่า “วัดพนัญเชิง” “วัดพระแนงเชิง” หรือ “วัดพระเจ้าพแนงเชิง” จึงหมายความถึงวัดแห่งพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย คือ “หลวงพ่อโต” หรือ “พระพุทธไตรรัตนนายก” นั่นเอง
เพราะการสร้างพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยเป็นประธานของวัด อาจเป็นลักษณะพิเศษจึงขนานนามวัดตามพระพุทธลักษณะที่สร้างเป็นปางมารวิชัยก็อาจเป็นได้ โดยเฉพาะพระประธานของวัดนี้เป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
เพราะสืบเนื่องมาจากตำนานเรื่องพระนางสร้อยดอกหมาก คือ เมื่อพระนางสร้อยดอกหมากกลั้นใจตายนั้น พระนางคงจะนั่งขัดสมาธิ เพราะชาวจีนนิยมนั่งขัดสมาธิมากกว่านั่งพับเพียบจึงนำมาใช้เรียกชื่อวัด บางคนก็เรียกว่า วัดพระนางเอาเชิง ตามสาเหตุที่ทำให้พระนางถึงแก่ชีวิต
ฉะนั้น ถ้าเรียกนามวัดตามความหมายของคำแล้ว คำว่า “ วัดพนัญเชิง” ก็ย่อมหมายความถึงวัดที่มีพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ คือหลวงพ่อโต หรือพระพุทธไตรรัตนนายกนั่นเอง
มาแต่ไหนๆมาแปลงว่าผนังเชิงก็ไม่เพราะ จะเป็นยศเป็นเกียรติอะไร สำแดงแต่ความโง่ของผู้แปลงไม่รู้ภาษาเดิมว่าเขาตั้งว่า “พนัญเชิง” ด้วยเหตุไรประการหนึ่ง วัดนั้นเป็นวัดราษฎรไทยจีนเป็นอันมากเขาถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ก็เจ้าของเดิมตั้งชื่อนั้นไว้จะเป็นผีสางเทวดาสิงสู่อยู่อย่างไรก็ไม่รู้ มาแปลงขึ้นใหม่ ๆ ดูเหมือนผู้แปลงก็ไม่สู้จะสพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงอาศัยเหตุที่เรียกชื่อวัดนี้ไปต่าง ๆ กัน จึงโปรดให้ประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับชื่อวัดพนัญเชิงไว้ดังนี้
“วัดพนัญเชิง” อีกคำหนึ่งว่า “วัดพระเจ้าพนัญเชิง” ให้คงเรียกอยู่อย่างเดิมอย่าอุตริเล่นลิ้น เรียกว่าผนังเชิง เพราะเขาเรียกอย่างนั้นทั้งบ้านทั้งเมืองบาย ไม่พอที่ย้ายก็อย่ายกไปเลย ให้คงไว้ตามเดิมเถิด”
วัดพนัญเชิง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย สร้างมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี (จากคำให้การชาวกรุงเก่ากล่าวว่าเป็นพระอารามหลวงลำดับที่ ๑๕) อยู่ในเขตปกครองของคณะสงฆ์ตำบลหอรัตนไชย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ตอนใต้ของเกาะเมือง ทางราชการใช้ชื่อว่าตำบลคลองสวนพลู (หรือตำบลกะมัง) อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การเดินทางสู่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ๓ ทาง
ก. เดินทางโดยรถยนต์ไปตามถนนพหลโยธิน แยกเข้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่สามแยกอำเภอวังน้อย ถนนสายโรจนะถึงเจดีย์ใหญ่วัดสามปลื้ม ตรงหลักกิโลเมตรที่ ๑ เลี้ยวซ้ายไปตามถนน ผ่านวัดใหญ่ชัยมงคลแล่นเรื่อยไปจนถึงวัด
ข. เดินทางโดยรถไฟไปยังสถานีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อรถประจำทาง หรือรถรับจ้างเพื่อข้ามเรือที่สถานีตำรวจป้อมเพชร ซึ่งเรียกว่า ท่าข้ามวัดสุวรรณดาราราม – วัดพนัญเชิงฯ
ค. เดินทางโดยเรือ มีเรือ ๓ สาย สายใต้และสายตะวันตก จะถึงวัดซึ่งอยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจป้อมเพชรก่อนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สายเหนือจะถึงตัวจังหวัดก่อนถึงวัด
เนื้อที่และที่ดินธรณีสงฆ์
วัดพนัญเชิงวรวิหาร มีเนื้อที่ตั้งวัด ๘๒ ไร่ ๓ งาน ๓๐ ตารางวา โฉนดเลขที่ ๙๑๔๙ ซึ่งนับว่าเป็นวัดที่มีเนื้อที่กว้างขวางที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่ดินธรณีสงฆ์อีกจำนวน ๘ แปลง มีเนื้อที่รวมกันทั้งสิ้น ๗๗ ไร่ ๙๖ ตารางวา บริเวณที่ตั้งของวัดพนัญเชิงวรวิหาร ในปัจจุบัน มีอาณาเขตดังนี้
๑. ทิศตะวันตก ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณที่เรียกว่า ปากน้ำบางกะจะ
๒. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงเรียนวัดพนัญเชิง(ไตรรัตนนายก) ซึ่งอยู่ในความอุปถัมภ์ของวัดพนัญเชิงวรวิหาร
๓. ทิศใต้ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งฌาปนสถานของวัดพนัญเชิงฯ โดยมีถนนหลวงตัดผ่าน
๔. ทิศตะวันออก มีสุสานชาวจีนอยู่ในเขตพื้นที่วัด



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น